พืชผักสวนครัว
ผักสวนครัว
คือผักที่ปลูกไว้ในบริเวณบ้านหรือที่ว่างต่าง ๆ ในชุมชนต่าง ๆ
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกไว้สำหรับรับประทานเองภายในครอบครัวหรือชุมชน
การปลูกผักสวนครัวไว้รับประทานจะทำให้ผู้ปลูกได้รับประทานผักสดที่อุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่ต่าง
ๆ มีความปลอดภัยจากสารเคมี ลดรายจ่ายในครัวเรือน
และที่สำคัญทำให้สมาชิกในครอบครัวมีกิจกรรมร่วมกันในการปลูกผักเพื่อเกิดสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว
โดยทั่วไปคนต้องมีการบริโภคผักอย่างน้อย วันละ 200 กรัม
เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน
ประโยชน์ของการปลูกผักสวนครัว
ปลูกเป็นรั้วบ้าน (รั้วกินได้) ผักที่สามารถนำมาปลูกทำเป็นรั้ว
ได้แก่ กระถินบ้าน ชะอม ตำลึง ผักหวาน ผักปลัง ต้นแค ถั่วพู มะระ ฯลฯ
ซึ่งเป็นผักที่ปลูกง่ายและให้ผลผลิตตลอดปีมีคุณค่าทางอาหารสูงและปลอดภัยจากสารเคมี
สามารถใช้ประดับตกแต่งบริเวณบ้าน เช่น
จัดสวนผักสวนครัว การปลูกต้นแคเป็นรั้วกินได้
การนำผักสวนครัวที่ปลูกในกระถางแบบแขวน-ห้อยมาตกแต่งบริเวณรอบ ๆ บ้าน
ใช้พื้นที่ส่วนที่ว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์
ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อผักมาประกอบอาหารประจำวัน
ครอบครัวได้รับประทานผักที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วนและปลอดภัยจากสารเคมี
สร้างความสัมพันธ์และสานสายใยรักที่ดีในครอบครัวและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
พืชผักสวนครัว
การปลูกพืชผักสวนครัว
มีความสำคัญเป็นอันดับแรกของชีวิตประจำวัน เพราะใช้เป็นอาหารในครัวเรือนได้ดี
ถ้าปลูกมากมีเหลือก็จำหน่ายได้ และสามารถยึดเป็นอาชีพได้
ขอให้มีความยึดมั่นในธรรมชาติ มีความขยัน และอดทน
การปลูกพืชผักสวนครัวมีหลักปฏิบัติ 5 ประการ
การเลือกเมล็ดพันธุ์
เมล็ดพันธุ์มีความจำเป็นในการเริ่มต้นในการเพาะปลูก
จึงควรศึกษาเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดี แข็งแรง ไม่เป็นโรคง่าย
คัดสรรแล้วเก็บรักษาไว้อย่างดีก่อนปลูก
การเตรียมดิน
คุณภาพของดิน
จะเป็นตัวกำหนดการเจริญเติบโตของพืช
การให้อาหารแก่ดินด้วยปุ๋ยชีวภาพจะทำให้ดินมีชีวิตและช่วยย่อยอินทรีย์วัตถุในดิน
ให้ดินอุดมพร้อมแก่การเพาะปลูก
2.1 แปลงใหม่
(ดินไม่สมบูรณ์)
- ถ้าดินแข็งมาก
อาจใช้เครื่องจักรช่วยในการไถก่อน ยกแปลง
- ดินขาดอินทรีย์วัตถุ
ควรแหวะท้องหมู ใส่ปุ๋ยแห้ง และรดด้วยปุ๋ยน้ำ
- ยกร่องให้สวยงาม โรยปุ๋ยแห้ง ตร.ม.
ละ 1 กำมือ รดด้วยปุ๋ยน้ำ คลุมด้วยฟางไว้ 5-7 วัน ปลูกพืชด้วยเมล็ดหรือกล้า
2.2 แปลงเก่า
(ดินสมบูรณ์)
หลังจากตัดผักหรือถอนผักออกแล้ว
ถอนหญ้า ปรับปรุงแปลง (ไม่ต้องขุด) แล้วเริ่มต้นดังน
- ใส่ปุ๋ยแห้ง ตร.ม.ละ 1-2 กำมือ
ใช้จอบสับเบาๆ ให้คลุกกับดิน
- คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง
- รดด้วยปุ๋ยน้ำ 1-2 วัน
- หมักไว้ 7 วัน
ปลูกด้วยเมล็ดหรือกล้า
การปลูก
3.1 การปลูกด้วยเมล็ด
- นำเมล็ดไปแช่ในน้ำจุลินทรีย์
ประมาณ 30 นาที หากผิวเมล็ดแข็งให้แช่นานหน่อย
- แหวกหญ้าหรือฟางที่คลุมออก
- ใช้ไม้กระดานหน้า 1/2 x 2 นิ้ว
กดเป็นรอยลึก 1-2
เซนติเมตร
- หยอดเมล็ดตามรอยที่กดไว้
- คลุมฟางเหมือนเดิม
- รดน้ำเช้าเย็น
- 2
วันแรกให้รดด้วยปุ๋ยน้ำช่วงเย็นวันละ 1 ครั้ง หลัง จากนั้น ให้รดปุ๋ยน้ำ 3 วัน / ครั้ง
นอกนั้นรดน้ำปกติ
3.2 ปลูกด้วยกล้า
การเพาะกล้ามี
2 ชนิด คือ
เพาะด้วยกะบะ
- อาจเป็นภาชนะสำเร็จรูป หรือใช้ไม้ 1/2
x 2
นิ้ว หรือวัสดุอื่น ทำเป็นกระบะขนาด 50
x 50 หรือ 50 x 70 หรือ 50 x 100 เซนติเมตร
ให้สามารถยกย้ายและวางบนพื้นได้สะดวก
- ผสมปุ๋ยแห้งกับดินร่วน แกลบเผา
อัตราส่วน 1 : 5 : 3 ลงในกระบะ
- หยอดเมล็ดหรือหว่านเมล็ดให้ทั่วอย่าให้แน่นเกินไป
- คลุมด้วยหญ้าแห้งหรือฟางบางๆ
- รดด้วยปุ๋ยน้ำให้ชุ่ม
- จากนั้นรดน้ำ เช้า-เย็น
- รดปุ๋ยน้ำช่วงเย็นติดต่อกัน 3 วัน
หลังจากนั้นรดปุ๋ยน้ำ 3 วัน/ครั้ง
การเพาะในแปลง
- นำปุ๋ยแห้งและแกลบเผาผสมในดิน
ในแปลง คลุกให้ทั่ว ทำหน้าดินให้ละเอียด
- หยอดเมล็ด หรือ โรยเมล็ด
- คลุมด้วยหญ้าแห้งหรือฟางแห้งบางๆ
- รดปุ๋ยน้ำให้ชุ่มทั่วแปลง
- รดน้ำ เช้า - เย็น
- 3 วันแรกรดปุ๋ยน้ำช่วงเย็นทุกวัน
หลังจากนั้นรด 3 วัน/ครั้ง วันปกติรดน้ำธรรมดา
การดูแลรักษา
- ผักเกือบทุกชนิดเพาะกล้าก่อนปลูกจะดี
เพราะถ้าให้ร่นระยะเวลาในการลงปลูก สามารถปลูกได้หลายรุ่น
และดูแลรักษาง่ายยกเว้นพืชผักที่ย้ายกล้าไม่ได้ เช่น แครอท หัวผักกาด
การปลูกด้วยกล้า ทำให้ประหยัดเมล็ดพันธุ์ได้ด้วย
ดีกว่าปลูกด้วยเมล็ดแล้วต้องถอนทิ้งเมื่อผักแน่นเกินไป
- ปกติจะใส่ปุ๋ยแห้งครั้งเดียว
แต่ถ้าผักมีอายุยาวเกิน 50 วัน ให้สังเกตว่าผักไม่สวย ไม่สมบูรณ์
ก็ใส่ปุ๋ยแห้งได้ระหว่างแถว ไม่ให้ถูกต้นพืชผัก
- การเตรียมแปลงดี
ผักจะเจริญเติบโตเสมอกันทั้งแปลงผักต้นใดมีโรคให้งดน้ำ และรดด้วย EM สด
ขยาย ผสมน้ำ 50 เท่า ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง จึงให้น้ำต่อ
- ผักมีหัวให้ขุดแปลงลึกๆ
แหวะท้องหมูบ่อยๆ และใส่ปุ๋ยแห้งผสมให้ดี
- การรดน้ำ
ควรใช้บัวรดน้ำรูเล็กๆ ให้เป็นฝอยได้มากเท่าไรยิ่งดี
- ไม่ควรรดน้ำด้วยสายยางที่น้ำพุ่งแรงๆ
จะทำให้ผักนอนราบ โดยเฉพาะผักกาดขาวจะห่อใบยาวขึ้นหากถูกน้ำซัดแรงๆ ทุกวัน
- พ่นด้วยสารไล่ศัตรูพืช
หรือ สารป้องกันเชื้อรา ทุกๆ 3 วัน
ข้อสังเกตุ
เพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืชโดยธรรมชาติ ควรปลูกผักกาดหอม ผักชีใบแหลม ปนกับผักอื่นๆ
ปลูกต้นดาวเรือง ตะไคร้หอม ผกากรองไว้เป็นรั้ว
และใช้ใบตะไคร้หอมมาคลุมแปลงผักจะป้องกันแมลงรบกวนได้ด้วย
การเก็บผลผลิต - การจำหน่าย
การเก็บผลผลิตควรดำเนินไปตามอายุของผักแต่ละประเภท
และหาก ปลูกโดยใช้จุลินทรีย์ชีวภาพดังกล่าวข้างต้น ควรเก็บก่อนกำหนด เล็กน้อยเพราะ
- ผักธรรมชาติเจริญเติบโตเร็ว
- ร่นระยะเวลาปลูก
ลดแรงงาน และรายจ่าย
- หากเก็บช้าหรือเกินอายุทำให้ผักมีภูมิต้านทานต่ำเกิดโรคได้
- การเก็บควรใช้วิธีตัด
ยกเว้นผักหัวใช้ถอน
- ผักที่เป็นผลควรเก็บอย่างปราณีต
เพื่อให้โอกาสเกิดผลใหม่อีก เช่น ถั่ว แตง
- ผักทั่วไปเก็บแล้วล้างให้สะอาด
บรรจุถุงเพื่อจำหน่าย
- ผักที่เป็นฝัก
เช่น ถั่ว เก็บแล้วไม่ต้องล้าง ไม่ต้องพรมน้ำ
ข้อควรจำ
ผักธรรมชาติทนทาน ขั้วไม่หลุดง่าย
เหี่ยวยาก
ไม่ต้องแช่สารเคมี
น้ำพรมผักหรือแช่ผักควรผสม EM ด้วย
ไม่ควรนำผลผลิตไปขายร่วมกับแผงผักเคมี
จะทำให้เสียคุณภาพ ควรเปิดแผงผักปลอดสารพิษหรือผักธรรมชาติ
เพื่อสะดวกต่อการเลือกซื้อของผู้บริโภค
สามารถรับรองคุณภาพและสามารถกำหนดราคาได้ดีในอนาคต
ช่วงที่เหมาะสมในการปลูกพืชผัก
กุมภาพันธ์ - เมษายน
- ผักชี หอม ผักบุ้งจีน ผักกาดหัว
ถั่วฝักยาว แตงกวา มะระ ผักกาดเขียวปลี ผักกวางตุ้ง ผักกาดขาว
พฤษภาคม - กรกฎาคม
- ผักคะน้า กุยช่าย บวบเหลี่ยม
ข้าวโพดหวาน หอมแดง
สิงหาคม - ตุลาคม(ปลายฝน)
- ผักชีลาว ผักโขม กุยช่าย ผักกาดขาว
ผักกาดหอม พริก มะเขือเปราะ มะเขือยาว
ปลูกได้ทั้งปี
- ผักสวนครัวต่างๆ เช่น ขิง ข่า ตะไคร้
โหระพา แมงลัก ฯลฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น